เมนู

5. สัมปสาทนียสูตร



เรื่อง พระสารีบุตรเถระ



[73] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ สวนมะม่วงของปาวา-
ริกเศรษฐี เขตเมืองนาลันทา. ครั้งนั้น ท่านพระสารีบุตรเข้าไปเฝ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้ว นั่ง ณ ที่สมควรข้างหนึ่ง
ครั้นนั่งเรียบเรียบแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้
เจริญ ข้าพระองค์เลื่อมใสในพระผู้มีพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนี้ว่า ทั้งอดีต อนาคต
และปัจจุบัน ไม่มีสมณะหรือพราหมณ์อื่นที่จะมีความรู้ ยิ่งไปกว่าพระผู้มี
พระภาคเจ้าในทางพระสัมโพธิญาณ.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า สารีบุตร เธอกล่าวอาสภิวาจานี้ประ
เสริฐแท้ เธอเชื่อมั่นตนเองฝ่ายเดียว บันลือสีหนาทว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ข้าพระองค์เลื่อมใสพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนี้ว่า ทั้งอดีต อนาคต และ
ปัจจุบัน ไม่มีสมณะหรือพราหมณ์อื่นจะที่จะมีความรู้ ยิ่งไปกว่าพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าในทางพระสัมโพธิญาณ.
[74] สารีบุตร เธอกำหนดใจด้วยใจ แล้วรู้ซึ่งพระผู้มีพระภาค
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด ซึ่งได้มีในอดีตว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า
เหล่านั้น ได้มีศีลอย่างนี้ มีธรรมอย่างนี้ มีพระปัญญาอย่างนี้ มีวิหาร
ธรรมอย่างนี้ มีวิมุติอย่างนี้ แม้เพราะเหตุนี้ได้ละหรือ.
สารีบุตร. ข้อนั้นเป็นไปไม่ได้ พระเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้า. สารีบุตร ก็เธอกำหนดใจด้วยใจ แล้วรู้ซึ่ง
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด ซึ่งจักมีในอนาคตว่า

พระผู้มีพระภาคเจ้าเหล่านั้น จักมีศีลอย่างนี้ มีธรรมอย่างนี้ มีพระปัญญา
อย่างนี้ มีวิหารธรรมอย่างนี้ มีวิมุตติอย่างนี้ แม้เพราะเหตุนี้ได้ละหรือ.
สารีบุตร. ข้อนั้นเป็นไปไม่ได้ พระเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้า สารีบุตร ก็เธอกำหนดใจด้วยใจ แล้วรู้เรา
ผู้เป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ ณ บัดนี้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้ามีศีล
อย่างนี้ มีธรรมอย่างนี้ มีพระปัญญาอย่างนี้ มีวิหารธรรมอย่างนี้ มีวิมุตติ
อย่างนี้ แม้เพราะเหตุนี้ได้ละหรือ.
สารีบุตร. ข้อนั้นเป็นไปได้ พระเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้า สารีบุตร ก็เธอไม่มีเจโตปริยญาณในพระ-
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีในอดีต อนาคต และปัจจุบัน เหล่านั้น
เหตุไฉน เธอจึงหาญกล่าวอาสภิวาจา อันประเสริฐนี้ เธอเชื่อมั่นตนเอง
ฝ่ายเดียว บันลือสีหนาทนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เลื่อมใส
ในพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนี้ว่า ทั้งอดีต อนาคต และปัจจุบัน ไม่มีสมณะ
หรือพราหมณ์อื่น ที่จะมีความรู้ยิ่งไปกว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าในทางพระ
สัมโพธิญาณ.
สารีบุตร. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถึงว่าข้าพระองค์จะไม่มีเจโต-
ปริยญาณในพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีในอดีต อนาคต และปัจจุบัน
ก็จริง แต่ข้าพระองค์ก็ทราบอาการที่เป็นแนวของธรรมได้ เปรียบเหมือน
เมืองชายแดนของพระราชา มีป้อมแน่นหนา มีกำแพงและเชิงเทินมั่นคง
มีประตู ๆ เดียว คนยามเฝ้าประตูของพระราชาที่เมืองนั้นเป็นบัณฑิต
เฉียบแหลม มีปัญญา คอยห้ามคนที่ตนไม่รู้จักไม่ให้เข้าไป ย่อมให้แต่
คนรู้จักเข้าไป เขาเที่ยวตรวจดูแนวกำแพงรอบ ๆ เมืองนั้นไม่เห็นที่ต่อ
หรือช่องกำแพง โดยที่สุด แม้พอแมวลอดออกมาได้ จึงคิดว่า สัตว์ที่มี

ร่างใหญ่จะเข้ามาเมืองนี้หรือจะออกไป ทั้งหมดสิ้น จะต้องเข้าออกทาง
ประตูนี้เท่านั้น ฉันใด ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ก็ทราบอาการ
ที่เป็นแนวของธรรมได้ ฉันนั้น พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่ได้มีแล้วในอดีตทั้งสิ้น ล้วนทรงละนิวรณ์ 5 อันเป็นเครื่องเศร้าหมอง
ใจ ทอนกำลังปัญญา ล้วนมีพระมนัสตั้งมั่นในสติปัฏฐาน 4 เจริญ
สัมโพชฌงค์ 7 ตามเป็นจริง จึงได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
แม้พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งจักมีในอนาคตทั้งสิ้น
ก็จักต้องทรงละนิวรณ์ 5 อันเป็นเครื่องเศร้าหมองใจ ทอนกำลังปัญญา
จักมีพระมนัสตั้งมั่นแล้ว ในสติปัฏฐาน 4 ทรงเจริญสัมโพชฌงค์ 7
ตามเป็นจริง จึงจะได้ตรัสพระอนุตตสัมมาสัมโพธิญาณ ถึงแม้พระผู้มี
พระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ บัดนี้ ก็ทรงละนิวรณ์ 5 อันเป็นเครื่อง
เศร้าหมองใจ ทอนกำลังปัญญา มีพระมนัสตั้งมั่นในสติปัฏฐาน 4
ทรงเจริญสัมโพชฌงค์ 7 ตามเป็นจริง จึงได้ตรัสรู้พระอนุตตสัมมาสัม-
โพธิญาณ. ข้าพระองค์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ เพื่อฟัง
ธรรม. พระองค์ทรงแสดงธรรมอย่างเยี่ยมยอดประณีตยิ่งนัก ทั้งฝ่ายดำ
ฝ่ายขาว พร้อมด้วยอุปมาแก่ข้าพระองค์. พระองค์ทรงแสดงธรรมอย่าง
เยี่ยมยอด ประณีตยิ่งนัก ทั้งฝ่ายดำฝ่ายขาว พร้อมด้วยอุปมาด้วยประการ
ใด ๆ ข้าพระองค์ก็รู้ยังในธรรมนั้นด้วยประการนั้น ๆ ได้ถึงความสำเร็จ
ธรรมบางส่วนในธรรมทั้งหลายแล้ว จึงเลื่อมใสในพระองค์ว่า พระผู้มี
พระภาคเจ้าเป็นผู้ตรัสรู้ด้วยพระองค์เองโดยชอบ พระธรรมอันพระผู้มีพระ
ภาคเจ้าตรัสดีแล้ว พระสงฆ์เป็นผู้ปฏิบัติชอบแล้ว.

ว่าด้วยโพธิปักขิยธรรมและการบัญญัติอายตนะ



[75] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ยังมีอีกข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นข้อธรรม